วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

สรรพคุณและประโยชน์ของมะละกอ

                             สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะละกอ


                              

   

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะละกอ

          วันนี้เรามีอีกหนึ่งสรรพคุณของมะละกอและประโยชน์ของมะละกอมาบอกเล่าเก้าสิบให้ทุกคนผู้รักสุขภาพได้ฟังกัน หรือใครก็ตามที่ชอบนึกยี้ผลไม้อย่างมะละกอล่ะก็อาจจะต้องเปลี่ยนใจเมื่อได้รู้ถึง สรรพคุณของมะละกอ และ ประโยชน์ของมะละกอ และ สรรพคุณของมะละกอ และ ประโยชน์ของมะละกอ ที่เรานำมาบอกกันในวันนี้นั่นก็คือ ผลไม้อย่างมะละกอสุกนั่นเองค่ะ หากเป็นมะละดิบอย่างส้มตำหลาย ๆ คนคงจะไม่ค่อยปฏิเสธแต่หากเป็นเป็นมะละกอสุกหลายคนบ่นร้องยี้ซะงั้น นั้นเพื่อให้คุณเปลี่ยนใจหันมารับประทานมะละกอสุขภันมากขึ้นก็มาดู สรรพคุณของมะละกอ และ ประโยชน์ของมะละกอ กันเลยค่ะ


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะละกอ


สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะละกอ

         มะละกอสุก ๆ เนื้อสีส้มแดงนี่แหละขอบอกว่าเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดของความมีประโยชน์ทีเดียว ใครไม่กินก็บอกได้เลยว่า คุณกำลังพลาดของดีชนิดที่สุขภาพไม่น่าให้อภัยเลย มะละกอสุกกินง่ายกว่ามะละกอดิบตั้งเยอะสามารถปอกเปลือกแล้วลำเลียงลงกระเพาะได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาในการปรุงแต่งแต่อย่างใด เป็นอาหารบริสุทธิ์ที่ธรรมชาติบรรจงสร้างมาให้เรา ฉะนั้นเรามาว่ากันถึงความอร่อยและมีประโยชน์ของมะละกอกันเลยดีกว่า

        นอกจากเนื้อหวาน ๆ แสนอร่อยแล้วทุกส่วนของมะละกอยังสามารถนำมาใช้ทำยาได้ ผลการวิจัยพบว่า ประโยชน์ของมะละกอมีอยู่มากมายตั้งแต่ช่วยต้านมะเร็ง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี บรรเทาอาการท้องผูกซึ่งเป็นที่มาของโรคริดสีดวงทวาร ป้องกันอาการตับโต เป็นยาบำรุงหัวใจ ตับ และสมอง


        สรรพคุณและประโยชน์ของมะละกอยังเผื่อแผ่ไปถึงเด็กทารกที่ดูดนมมารดาอีก เพราะช่วยกระตุ้นให้แม่มีน้ำนมมากขึ้นป้องกันโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการติดเชื้อจากจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในลำไส้ เรื่องความสวยงาม มะละกอยังมีเอนไซม์ที่ช่วยบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี ใครอยากมีผิวหน้าเนียนขาวนุ่มชุ่มชื่นก็นำมะละกอสุกครึ่งถ้วยผสมกับน้ำผึ้ง แท้ 1 ช้อน นมสดอีก 1 ช้อน ปั่นเข้าด้วยกันเป็นครีมข้น ทาให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ 10 - 15 นาทีแล้วล้างออก เท่านี้ก็เห็นผลทันตาและทันใจทีเดียว


                                  


ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของมะละกอ

            ในต่างประเทศประชาชนส่วนใหญ่รู้จักมะละกอในฐานะผักเพราะมะละกอสุกเป็นผลไม้ที่ดีมากชนิดหนึ่ง เป็นที่นิยมกินกันทั่วโลกไม่เฉพาะในเขตร้อนที่ปลูกมะละกอได้เท่านั้น แต่ยังนำเข้าไปในประเทศเขตอบอุ่นที่ปลูกมะละกอไม่ได้อีกด้วย มะละกอสุกสามารถกินสด บรรจุกระป๋อง นำไปทำแยม และทำน้ำผลไม้ได้ดี มีรสอร่อย สีสวยน่ากิน คุณค่าทางโภชนาการสูง มีคุณค่าทางสมุนไพร มีผลให้กินตลอดปี ผลิตได้ง่าย ราคาไม่แพง ฯลฯ มะละกอมีความสำคัญมากในอุตสาหกรรมผลิตเอนไซม์ปาเปอีน (papain) ซึ่งเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารหมัก ทำให้เนท้อเปื่อยนุ่ม ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น
             เอนไซม์ปาเปอีนได้จากยางมะละกอ ซึ่งกรีดแผลบนผลมะละกอดิบแล้วปล่อยให้แห้ง นำยางมะละกอแห้งมาสกัดเอนไซม์ปาเปอีน และเอนไซม์อื่นๆ บางชนิด ยางมะละกอนี้แม่บ้านชาวไทยรู้จักนำมาใช้ประโยชน์นานแล้ว เช่น ใช้หมักเนื้อให้อ่อนนุ่ม ใส่ในต้มแกงให้เนื้อเปื่อยยุ่ย เป็นต้น
มะละกอมีคุณค่าด้านสมุนไพรมากมายแทบทุกส่วนของพืชชนิดนี้ เช่น
·         ยาง แก้ปวดฟัน ถ่ายพยาธิไส้เดือน กัดหูด ใช้ลบรอยฝ้าบนใบหน้า
·         ราก ต้มกินขับปัสสาวะ
·         เมล็ดแก่ ถ่ายพยาธิ แก้กระหายน้ำ
·         ใบ บำรุงหัวใจ
·         ผลดิบ เป็นยาระบายอ่อนๆ ขับปัสสาวะ
·         ผลสุก บำรุงธาตุ แก้ธาตุไม่ปกติ แก้กระเพาะอาหารอักเสบ ช่วยย่อยอาหาร เป็นยาระบายอ่อนๆ
ในสมัยก่อนหมอดูมักใช้กระดานหมอดู ที่ทำจากเปลือกมะละกอโดยการทุบเปลือกแยกเนื้อออกจนหมด เหลือแต่เส้นใยแล้วลงรักและเขม่าจนแข็งดำ ตากให้แห้ง ก็จะได้แผ่นกระดานดำที่เบาและทนทานมาก
ตำราการปลูกต้นไม้ในบ้านบางฉบับมีข้อห้ามมิให้ปลูกมะละกอในบริเวณบ้านเพราะถือตามเสียง ซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกับคำที่ว่า อัปมงคล คือ มะละกอ มีคำว่า มะละพ้องกับบคำว่า มร” (มะระ) ซึ่งแปลว่า ตาย จึงถือว่าเป็นอัปมงคล(คล้ายลั่นทมที่คล้ายคำว่า ระทม”) แต่เท่าที่สังเกตดูทั่วไปในปัจจุบันพบว่า ชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ถือตามตำราฉบับนี้ จึงปลูกมะละกอในบริเวณบ้านกันทั่วไป
แม้แต่ในสมุดคู่มือว่าด้วยการทำสวนครัวที่พิมพ์แจกเมื่อปี พ.ศ.2482 ในช่วงจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และรณรงค์ให้ชาวไทยทำสวนครัวกันอย่างจริงจังในสมุดคู่มือเล่นนั้นแนะนำให้ปลูกมะละกอเอาไว้ในบริเวณบ้าน โดยย่กย้องมะละกอว่า เป็นอาหารอย่างดี หาที่เปรียบได้ยากคำยกย่องนั้นยังคงใช้ได้อยู่จนกระทั่งวันนี้
            หากท่านผู้อ่านเห็นคุณประโยชน์ของมะละกอ ก็ขอให้ช่วยกันปลูกตามกำลังที่จะทำได้ ถ้าปลูกไม่ได้ก็อาจช่วยโดยการหาซื้อมะละกอมาบริโภคให้มากขึ้น เพื่อเกษตรกรไทยจะมีรายได้จากมะละกอเพิ่มขึ้นอีกด้วย



               






วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

ดูแลรักษาหน้า


ดูแลรักษาหน้าอย่างไรให้สวยใส น่าสัมผัส 


สูตรขจัดสิวหัวดำ นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้ง 
สักเล็กน้อยนำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณ 
ที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น 

มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย 
นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 
2ช้อนโต๊ะจะได้มาร์คพอกหน้าเป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย 
พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ 

ถนอมผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต 
ล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะ 
โยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า 
เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 
20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่ง 
สดใสอมชมพูทีเดียวค่ะ 
ครีมพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม 
ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 
1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาว 
และบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน 
นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 
ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุก 
สัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า 
กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่ม 
ชุมชื่น 

เพื่อเรียวขาสวย 
ก่อนนอน นำมะนาวเปรี้ยวๆสักหนึ่งเสี้ยว บีบลงในดินสอพอง 
พอหมาด ทาให้ทั่วขา ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออก 
แม้จะไม่ทำให้ขาเนียนขึ้นทันตาเห็น แต่หากทำเป็นประจำ 
ยืนยันว่าได้ผลค่ะ 

ลบรอยกระด่างดำบนใบหน้าด้วยมะละกอสุก 
นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ สัก 10 นาที 
แล้วจึงล้างออก จะช่วยให้ ใบหน้าที่มีรอยด่างดำดูดีขึ้น 

สูตรรักษาฝ้า 
คั้นน้ำมะขามเปียก ให้ค่อนข้างใสสักหน่อย ตั้งไฟอ่อน รอจนสุก 
จึงใส่น้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้ต้องทำพร้อมกัน 
คือมือหนึ่งเท อีกมือก็คนให้ทั่ว นำมาทาหน้า วันละ 1 ชั่วโมง 
ช่วยรักษาฝ้า และทำให้ผิวหน้านวลใสขึ้น 

สูตรสาวหน้าใส 
ส่วนผสม น้ำผึ้ง น้ำมะนาว 
ผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน 
นำมานวดให้ทั่วใบหน้า 
มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสม 
AHA นั่นแหละ ส่วนน้ำผึ้ง ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น นวด 
ประมาณ 15 นาที 

สูตรลดริ้วรอย 
เลือกใช้ผลไม้ที่หาง่าย จะเป็นแอปเปิ้ล กล้วยหอม 
แตงกวา หรือมะเขือเทศก็ได้ค่ะ ใช้ปริมาณ 1 ถ้วย 
นำมาปอกเปลือกและเอาเมล็ดออก นำไปปั่นให้เนื้อ 
ละเอียด นำเนื้อผลไม้ที่เตรียมไว้ มาพอกให้ทั่วหน้า 
ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก และล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น 
อีกครั้ง จะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลา แลดูสดใส 

สูตรกระชับรูขุมขน 
กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศ (เลือกเอาอย่างใด 
อย่างหนึ่ง) ปอกเปลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็น 
ชิ้นเล็ก ๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป 
นำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่ว 
ใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้าง 
ออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยทำความสะอาดใบหน้า และ 
ช่วยกระชับรูขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น 

สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน 
นำไข่ขาว มาทาบาง ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้ 
กระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว 
วางทับลงไป รอให้แห้ง แล้วค่อย ๆ ดึงกระดาษออก 
โดยดึงจากมุมด้านล่าง สิ้วเสี้ยนที่เคยเป็นเสี้ยนหนาม 
ตำใจจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายค่ะ 

เคลนเซอร์สำหรับทุกสภาพผิว 
โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย 
น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ 
น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (คั้นสด ๆ นะคะ) 
นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้า 
ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด 
จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิว 
ให้ชุ่มชื้นอีกด้วย 

                                        

สูตรสาวผมสวย 
ผมนุ่มสลวยด้วยแชมพูจากมะกรุด 
วิธีทำ ใส่น้ำ2 แก้ว ลงไปต้มให้เดือด ใส่มะกรูด 1 ลูก 
ผ่าซีกลงไป ปิดฝาปิดไฟ ทิ้งไว้ 5 นาที นำมากรอง 
เอาแต่น้ำ นำน้ำมะกรูดที่ได้มาสระผม จะช่วยให้ผม 
นุ่มสลวยแถมและไร้รังแคด้วยค่ะ 

ครีมนวดผมสำหรับผมแห้ง 
น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับ ไข่แดง 1 ฟอง 
นำมาตีให้เข้ากัน นวดให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง 
จะทำให้ผมนิ่มสลวย ดูมีน้ำหนัก และจัดทรงง่าย 

ผมสวยด้วยแชมพูไข่ 
ถ้าผมแห้งมาก ใช้ไข่ 1 ฟอง เลือกเอาเฉพาะไข่แดง 
ตีให้ละเอียดผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย หลังจากสระผม 
โดยทิ้งไว้ 10 นาที จึงล้างออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวย 
ไม่หยาบมือ 

ทรีทเม้นท์ไข่และแตงกวา 
นำไข่ (ใช้ทั้งไข่ขาวและไข่แดง) ตีให้เข้ากัน เติมน้ำมัน 
มะกอกลงไปในปริมาณที่ใกล้เคึยงกัน นำมาผสมกับ 
แตงกวาซึ่งปั่นจนละเอียด (ใช้ 1/4 ลูก) พอกให้ทั่วเส้นผม 
ประมาณ 10 นาที ทำเพียงเดือนละครั้ง ช่วยบำรุงผม 
ให้นิ่มสลวย เหมาะกับผมที่แห้งกรอบจากความร้อน 

ครีมนวดผมสูตรน้ำผึ้ง 
น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย 
น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย ถ้าผมไม่แห้งนักใช้เพียง 
2 ช้อนโต๊ะก็พอค่ะ 
ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมันมะกอกให้เข้ากัน นำมาหมักให้ 
ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น 
สระผมให้สะอาดอีกครั้งค่ะ เหมาะกับคนที่ผมแห้ง 
จนเสียสวยค่ะ 

ผิวเรียบเนียนด้วยกาแฟบด 
ก็บรรดา ครีมขจัดเซลลูไลต์ ที่ราคาแสนแพงน่ะ 
มีคาเฟอีนอยู่ด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นการขจัดเซลล์ไขมัน 
และยังขัดผิวให้เรียบเนียน แต่อาจจะดูยุ่งยากกว่า 
การใช้ครีมกระปุกอยู่บ้าง จึงควรทำในห้องน้ำ และ 
ก่อนที่จะลงมือขัดผิวด้วยกาแฟอย่าลืมปูพื้นห้องน้ำ 
ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันท่อน้ำตันค่ะ 
สูตรนี้ใช้กับผิวกายนะคะ ห้ามใช้กับผิวหน้าค่ะ 
และในระหว่างที่ขัดผิว หากมีนวดไปด้วย จะช่วยกระตุ้น 
การไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้นได้ค่ะ 

สาวมือนุ่ม 
นำเนื้อสัปปะรด มาบดให้ละเอียด พอกให้ทั่วมือของคุณ 
และนวดไปด้วย สัก 5 นาที จะช่วยให้มือนุ่ม มีเสน่ห์ 
ขึ้นอีกพะเรอเกวียนเชียวล่ะ 
นำไข่ขาวมาตีให้ขึ้น แล้วเติมน้ำมะนาว และน้ำผึ้ง อย่างละ 
1 ช้อนชา นำมาชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้มือนวดเป็นวงกลม 
ไปพร้อม ๆ กัน ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงใช้ผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำเช็ดออก 
จะช่วยทำความสะอาดผิว และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นในขณะเดียวกัน 
นอกจากนำมาทาหรือพอกหน้า เพื่อให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง 
กันแล้ว ในวันหยุด ลองดื่ม ชาผสมน้ำผี้ง จะช่วยกระตุ้นระบบ 
การไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ทำให้ผิวสดใส มีเลือดฝาด แต่ 
ไม่ควรเทน้ำเดือดจัดๆ ลงในน้ำผึ้งนะคะ เพราะอาจทำให้สาร 
ที่มีประโยชน์ในน้ำผึ้ง สลายตัวได้ค่ะ 

พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง (จากสเปน) 
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะ 
น้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆสักครู่แล้วนวดหน้า 
ด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาสักประมาณ 5 นาทีจนน้ำผึ้ง 
เหนียว นวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ นอนพักให้ 
ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมา 
หล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น พักสักครู่ 
แล้วค่อยๆใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออก 

 พอกหน้าด้วยแอ๊ปเปิ้ล (จากเบลเยี่ยม) 
ปอกแอ๊ปเปิ้ล คว้านเอาไส้และเมล็ดออก แล้วบดให้ 
ละเอียดขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจน 
เข้ากันดีแล้ว นำเอาส่วนผสมนี้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที 
แล้วใช้นมสดเย็นๆล้างออก 

พอกหน้าด้วยแตงโม (จากตุรกี) 
 ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆจากส่วนที่แดงที่สุด นำมา 
แปะให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมหน้าไว้ 
นอนพักสักครู่ ประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก 
ด้วยน้ำเย็น 

พอกหน้าด้วยไข่ขาว (จากสวิตเซอร์แลนด์) 
ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออก เทเฉพาะไข่ขาว 
ลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้ 
แปรงนุ่มๆจุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 
ประมาณ 20 นาที จนไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็ง แล้วล้าง 
ออกด้วยน้ำเย็น 

พอกหน้าด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง (จากฝรั่งเศส) 
ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้ 
เข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 
อย่างน้อย ครึ่งชั่วโมง หรือมากกว่า แล้วล้างออกด้วย 
น้ำอุ่น 

พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ (จากญี่ปุ่น) 
ฝานมะเขือเทศ 1 ชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอ 
เบาๆตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซีและ 
กรดAHA จะช่วยลอกผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกได ้ 
หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดมะเขือเทศออก 

พอกหน้าด้วยนมเปรี้ยว (จากรัสเซีย) 
สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ให้ล้างหน้าให้สะอาดก่อน 
จะเอานมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดพอกหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที 
หรือนานกว่านั้นแล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆเช็ดออก 
ตำรับนี้จะใช้ได้ผลดีมากในหน้าร้อน จะช่วยให้ 
ใบหน้าที่ซีดเซียวกลับเปล่งปลั่งขึ้นได้ 

การเลือกมาสก์พอกหน้าให้เหมาะกับผิว 
ผิวมัน คุณสามารถใช้มาสก์ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง มาสก์ที่เหมาะ 
กับคนผิวมัน ควรมีคุณสมบัติช่วยดูดซับความมัน สามารถ 
ขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนได้ พร้อมกับช่วยกระชับ 
รูขุมขน 
ผิวแห้ง ควรมาสก์หน้าสัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ มาสก์ที่เหมาะ 
กับคนผิวแห้ง ควรมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว 

วิธีการมาสก์หน้า 
ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดด้วยคลีนเซอร์ที่ 
เหมาะกับผิว ก่อนที่จะพอกหน้าให้ทั่วใบหน้า โดยเว้นรอบ 
ดวงตาและริมฝีปาก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ( ถ้าจะ 
ให้ผลดีอาจใช้ผ้าขนหนูชุบอุ่น ๆ นำมาวางบนหน้า ความร้อน 
จากผ้าขนหนูจะช่วยให้ส่วนผสมในมาสก์ซึมซับสู่ผิวได้ดี 
ยิ่งขึ้น ) แล้วใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด จากนั้น 
จึงล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยกระชับรูขุมขน 
และทำให้ผิวสดชื่น เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ และตามด้วย 
ครีมบำรุงผิวค่ะ คราวนี้ผิวคุณก็นุ่มละมุนสดชื่น และสดใส 
...ชัวร์ 

มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย 
นำกล้วยบด 1 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อน ยีให้เข้ากัน นำมา 
พอกให้ทั่ว ใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น 
จะทำให้ผิวหน้า ชุ่มชื้นขึ้น สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้งค่ะ 

เคลนเซอร์น้ำผึ้ง 
ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโตีะ กับจมูกข้าวสาลี 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน 
นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ใช้ปลายนิ้วขัดเบา ๆ เพื่อกระตุ้น 
การไหลเวียนของเลือด และขจัดเซลล์เก่าให้หลุดลอกออกมา 
ซึ่งน้ำผึ้งจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอย 
และจุดด่างดำ 

มาสค์พอกหน้าจากมะละกอ 
นำมะละกอมาปั่นให้ละเอียด นำพอกให้ทั่วผิวหน้า ในมะละกอ 
จะมีเอนไซม์ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หมดได้ จึงทำให้ 
ผิวหน้า สดใส เปล่งปลั่ง 

เคลนเซอร์จากโยเกิร์ต 
ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ กับเกลือป่น 2 ช้อนชา นำมาขัดเบา ๆ 
บริเวณผิวหน้า จะช่วยลดความมันและขจัดเซลล์เก่าให้ 
หลุดลอกออกมา สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน 

มาร์คพอกหน้าจากกล้วยผสมน้ำมันมะกอก 
กล้วยสุกยีให้ละเอียด เติมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ 
เนื้อครีมข้น นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้ว 
ล้างออก จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นขึ้น เหมาะกับผิวแห้ง 

มาร์คพอกหน้าสูตรไข่ผสมข้าวโอ๊ต 
ไข่ขาว 1 ฟอง ผสมกับ ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน 
นำมาพอกให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที สูตรนี้เหมาะกับ 
ผิวมันค่ะ เพราะจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากใบหน้า และช่วยปรัป 
ผิวให้สมดุลมากขึ้น 

มาร์คพอกหน้าจากแตงกวา (เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม) 
ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 
1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาวและ 
บีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน 
นำมาพอก ให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 
ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ 
ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า 
กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่ม 
ชุ่มชื่น เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม 
แก้ข้อศอก ส้นเท้าด้านดำ 
ใช้เปลือกมะนาวที่บีบน้ำออกหมดแล้ว นำมาขัด ๆ ถูผิว 
ส่วนที่ด้านหรือแตก เช่น ข้อศอกหรือส้นเท้า จะช่วยให้ 
ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น รอยด้านหรือแตกก็จะค่อยจางลง 

ลบรอยด่างดำที่ขา 
สาว ๆที่ขาลาย มีจุดด่างดำเล็ก ๆ ให้ใช้น้ำมะนาวบีบลงใน 
ดินสอพอง พอหมาด ๆ ทาบริเวณขาทุกคืน ก่อนนอน 
ตื่นเช้าค่อยล้างออก รอยด่างดำ จะค่อยจางหายไป 

ผสมในน้ำอาบ ช่วยให้ผิวพรรณสดใส 
ฝานมะนาวออกเป็น 4 ส่วน ใส่ลงในน้ำที่จะอาบ นอกจาก 
จะช่วยขจัดของเสียออกจากผิวแล้ว และยังทำให้ผิวพรรณ 
สดใสอีกด้วย และทุกเช้าตอนตื่นนอน ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาว 
ก็จะช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้ผิวพรรณ 
สดใสอีกทางหนึ่ง 

แก้ปัญหาเล็บเหลือง 
สำหรับสาว ๆ ที่แต้มสีเล็บบ่อย ๆ อาจทำให้เล็บเหลืองได้ 
ให้ใช้สำลีชุบน้ำมะนาวแปะเล็บไว้สัก 10 นาที จะทำให้ 
คราบสีเหลืองค่อย ๆหายไป และยังทำให้เล็บแข็งแรง 
ขึ้นด้วย 

ขจัดรอยเปื้อนยางผลไม้ 

เมื่อปอกผลไม้ที่มียาง ยางมักติดตามซอกเล็บ แก้ไขได้ 
โดยใช้เปลือกมะนาวที่บีบน้ำออกหมดแล้ว มาขัด ๆ ถูๆ 
บริเวณที่เปื้อน คราบยางดำ ๆ จะหลุดลอกออก เล็บมือ 
ของคุณจะขาวสวยเหมือนเดิม 

ในเวลาที่นอนไม่หลับ 
การจิบน้ำผึ้งอุ่นๆ จะช่วยให้คุณหลับ 
ได้ง่ายขึ้น หากช่วงไหนโหมงานหนักๆ ใบหน้าหมองคล้ำ 
อิดโรย ให้ใช้น้ำผึ้งบริสุทธิ์ทาผิวหน้า ทิ้งไว้ราว 3-4 นาที 
แล้วจึงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น เช็ดออก จะช่วยให้ผิวหน้าสดใส 
มีชีวิตชีวาขึ้น 

น้ำผึ้งนั้น เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในทุกขั้นตอนของ 
การดูแลผิวหน้าตั้งแต่การทำความสะอาดผิว กระชับรูขุมขน 
และการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย 
เติมน้ำมะนาว 2-3 หยด ลงในน้ำผึ้ง แล้วนำมาพอกหน้าไว้สัก 
5 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าขาว สดใสขึ้น 
กล้วยสุก 1 ผล นำมาบดแล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน 
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้คนที่ผิว 
แห้งมากๆ ดูชุ่มชื้นขึ้น

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ณเดชน์ คูกิมิยะ


                    

                       ณเดชน์  คูกิมิยะ

                                  รูปภาพ ณเดช คูกิมิยะ พระเอกหน้าใส ดวงใจอัคนี
ประวัติ
วันเกิด: 17 ธันวาคม 2534
ชื่อ - สกุล ณเดชน์ คูกิมิยะ (แบรี่)
วันเกิด 17 ธันวาคม 2534
ส่วนสูง 181 เซนติเมตร
น้ำหนัก 68 กิโลกรัม
งานอดิเรก เล่น เกม เล่นฟิตเนส
สิ่งที่ชื่นชอบ ร้อง เพลง เล่นกีต้าร์
กีฬา ฟิต เนส
ศิลปินที่ชอบ เบิร์ด ธงชัย , นก ฉัตรชัย
ของสะสม กระเป๋า สะพาย
สีที่ชอบ ขาว 


                                   ณเดชน์ คูกิมิยะ
                                                           ณเดชน์ คูกิมิยะ

ประวัติ

ณเดชน์เกิดเมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยชื่อจริงมารดาบุญธรรมเป็นผู้ตั้งให้ เป็นคำประสมระหว่าง ณ+เดชน์ มีความหมายว่า ที่แห่งนั้นจะมีฤทธิ์มีเดช โดยความหมายในพจนานุกรม คำว่าเดชน์แปลว่าลูกศร  ส่วนชื่อเล่นเดิมบิดาชาวออสเตรียตั้งให้ว่าแบร้นด์ (Brand) แต่เนื่องจากอ่านออกเสียงค่อนข้างยาก ครอบครัวของเขาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็น แบรี่ หมายถึง สิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า มีฉายาที่เรียกกันในกลุ่มเพื่อนฝูงคนสนิทว่า "ป๋าแว่น" เพราะใส่แว่นตามาตั้งแต่เด็ก และเคยมีรูปร่างอ้วนมาก่อน
สุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดาบุญธรรมของณเดชน์
ณเดชน์เติบโตและอาศัยอยู่ที่ขอนแก่นกับสุดารัตน์ คูกิมิยะ มารดาบุญธรรมชาวอีสานเชื้อสายจีนผู้มีศักดิ์เป็นป้า ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และบิดาบุญธรรมชาวญี่ปุ่นคือโยชิโอ คูกิมิยะ เป็นวิศวกรไฟฟ้าซึ่งทำงานในกรุงเทพมหานคร ส่วนบิดาบังเกิดเกล้าเป็นชาวออสเตรีย และมารดาบังเกิดเกล้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสุดารัตน์ ณเดชน์เดิมชื่อชลทิศ ยอดประทุมโดยหลังจากโยชิโอและสุดารัตน์ รับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม จึงเปลี่ยนเป็นณเดชน์ คูกิมิยะ ถึงแม้โยชิโอ จะเป็นพ่อบุญธรรมของณเดชน์ แต่ณเดชน์ก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เพราะโยชิโอไม่เคยสอน เมื่อสนทนากันโยชิโอจะใช้เพียงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น
เมื่อปี พ.ศ. 2551 ผู้จัดการนักแสดง ศุภชัย ศรีวิจิตร ได้ไปเยี่ยมบ้านของศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ขอนแก่น และพบณเดชน์ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านเดียวกันโดยบังเอิญ จึงร้องขอต่อสุดารัตน์ให้บุตรบุญธรรมเข้าร่วมเป็นนักแสดงในสังกัด ซึ่งเธอก็ยินยอม โดยก่อนหน้านั้นศุภชัยได้รู้จักกับอาจารย์ของณเดชน์ รวมทั้งเคยเห็นภาพณเดชน์จากอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่เนื่องจากณเดชน์ยังมีอายุเพียง 15 ปี และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาใช้เวลาฝึกบุคลิกภาพ ความสามารถต่าง ๆ ด้านการแสดงเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะพาเข้าสู่การทำงานในวงการ  ปัจจุบัน ณเดชน์มีบ้านของตัวเองที่กรุงเทพมหานครแล้ว แต่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่กองถ่ายละครมากกว่าที่บ้าน เนื่องจากการทำงานต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ

[แก้]การศึกษา

ณเดชน์เรียนอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลพิมานเด็ก ต่อชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนมหาไถ่ศึกษาชายซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วน[ กระทั่งถึง ป.5 ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนขอนแก่นวิเทศศึกษา จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษา จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (สายวิทย์-คณิต) ระหว่างศึกษา ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันทางวิทยาศาสตร์หลายครั้ง เมื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ณเดชน์ได้คัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรนานาชาติ แต่ไม่ผ่านการสอบคัดเลือก ณเดชน์จึงได้เลือกเรียนสาขาใหม่ในมหาวิทยาลัยเอกชน เนื่องจากขณะที่ศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาเริ่มสนใจการผลิตภาพยนตร์สั้น รายการโทรทัศน์ จึงต้องการเรียนรู้การทำงานเบื้องหลัง เช่น กำกับการแสดง และสนใจศึกษาทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง ไม่ชอบการเรียนคณิตศาสตร์ ประกอบกับระยะนั้น เขาได้เข้าสู่วงการบันเทิงเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มแสดงละครโทรทัศน์ จึงเลือกเข้าศึกษาต่อ ในสาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

[แก้]การทำงาน

ณเดชน์ในการถ่ายแบบนิตยสาร
เมื่อเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดของศุภชัยแล้ว ณเดชน์จึงเริ่มงานด้านการเดินแบบเป็นครั้งแรก ในงานการกุศลของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วจากนั้นก็เริ่มมีผลงานถ่ายแบบให้กับนิตยสารหลายฉบับ โดยครั้งแรกที่ทำงานในวงการบันเทิง ณเดชน์ อายุ 17 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 และผลงานแรกที่ปรากฏแพร่ภาพทางวิทยุโทรทัศน์คือภาพยนตร์โฆษณาหมากฝรั่ง ไทรเด้นท์ รีแคลเดนท์ คู่กับพัชราภา ไชยเชื้อ ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้มีการคัดเลือกนักแสดงขึ้น โดยณเดชน์ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เพื่อร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ เงารักลวงใจ เป็นเรื่องแรก และในปี พ.ศ. 2553 ได้มีผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงคือ ดวงใจอัคนี เกมร้ายเกมรัก ความนิยมจากการแสดงละครโทรทัศน์ ส่งผลให้ณเดชน์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำเสนอในภาพยนตร์โฆษณาสินค้า เพิ่มขึ้นมากมาย รวมทั้งชื่อเสียงในการแสดงละครคู่กับอุรัสยา เสปอร์บันด์ ทำให้ได้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาต่าง ๆ ร่วมกันหลายเรื่อง และถูกเรียกให้เป็นพระนางคู่ขวัญกัน  ทั้งสองคนถูกนำชื่อไปเป็นเรื่องราวสมมุติในงานจิตรกรรมฝาผนังร่วมสมัย เช่น ภาพพิธีมงคลสมรสที่วัดลำปางกลางตะวันออก แสดงวิถีการดำเนินชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนภาคเหนือ เพื่อบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาสือทอดกันต่อไป  ตามมาด้วยผลงานด้านอื่น ๆ เช่นการพากย์การ์ตูนแอนิเมชันสำหรับเยาวชน เรื่อง "ซุปเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้" หนึ่งในตัวละครหลักร่วมกับปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และปริญ สุภารัตน์ ออกอากาศทางช่อง 3 ไปจนถึงการร่วมกิจกรรมทางสังคม ต่าง ๆ เช่น คณะทูตของโครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม 2554 โดยสภากาชาดไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหาร ของกองทัพบกไทยประจำปี 2555เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2555 มีผลงานแสดงละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง แสดงร่วมกับอุรัสยา เสปอร์บันด์อีกหน การแสดงของทั้งคู่กรุงเทพธุรกิจวิจารณ์ไว้ว่า "ได้เผยถึงความหลากอารมณ์ มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus)  นอกจากงานแสดงแล้ว ณเดชน์ยังได้มีส่วนร่วมกำกับภาพยนตร์กับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงคาน ซึ่งเป็นผลงานการกำกับครั้งแรก และปีเดียวกันนี้ ณเดชน์ได้มีงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตคือ คู่กรรม รับบทเป็น "โกโบริ" ทหารญี่ปุ่น ซึ่งณเดชน์ได้เข้าเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเพื่อการพูดภาษาไทยให้มีสำเนียงเหมือนชาวญี่ปุ่น แสดงร่วมกับอมราวดี ดีคาบาเลส นักแสดงหน้าใหม่ กำกับภาพยนตร์โดยกิตติกร เลียวศิริกุล ผลิตโดยเอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ ทางด้านผู้จัดจันทิมา เลียวศิริกุล กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกณเดชน์ เพราะโกโบริคือณเดชน์ ว่า "เพราะเขาคือคนที่เหมาะที่สุด เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเป็นคนอื่น และถ้าไม่ได้น้องเขาจริง ๆ โปรเจกต์นี้ก็คงต้องเก็บไว้ก่อน"


                                        ณเดชน์ คูกิมิยะ
                                                                    ณเดชน์ คูกิมิยะ 

ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิง - ปี 2554

ณเดชน์เล่าถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวว่า โยชิโอและสุดารัตน์มีวิธีการเลี้ยงดูที่ต่างกัน โดยณเดชน์สนิทสนมคุ้นเคยกับสุดารัตน์มากที่สุดเพราะอยู่ใกล้ชิด โทรศัพท์ถึงกันทุกวัน ดูแลถามไถ่เรื่องอาหารสุขภาพ ไม่ดุ ส่วนโยชิโอ จะคุยกันแบบผู้ชาย เรื่องวางแผนในอนาคต อาชีพการงาน และเรื่องผู้หญิง ทั้งนี้ พ่อและแม่ที่แท้จริงของณเดชน์ ได้แยกทางกันไปตั้งแต่ ณเดชน์ยังเด็ก ๆ และณเดชน์ก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อแท้ ๆ เลย ซึ่งณเดชน์สงสัยที่มาที่ไปของตัวเองมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล จนกระทั่ง ม.2 หลังโดนเพื่อนทักว่าทำไมหน้าตาไม่คล้ายคนญี่ปุ่น ณเดชน์จึงมาถามความจริงกับสุดารัตน์ จนทราบเรื่อง โดยณเดชน์ก็ยอมรับเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังรักและเคารพพ่อและแม่บุญธรรมเหมือนเดิม พร้อมกับยกย่องพ่อบุญธรรมชาวญี่ปุ่นเป็นฮีโร่ในดวงใจ และถือว่าตัวเองก็เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นครั้งเมื่อณเดชน์ กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยม เขาเคยเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการค่ายอาสาชนบท ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งอยู่ในเขตนอกอำเภอเมือง เป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก ณเดชน์ได้ดูแลและช่วยสอนภาษาอังกฤษ ให้กับเด็กนักเรียนในที่แห่งนั้น ในตอนแรกณเดชน์ไม่มีความคิดอยากที่จะเป็นนักแสดง เพราะเคยมีอคติส่วนตัวต่อวงการบันเทิงไม่ชอบดูละคร แต่ด้วยคำแนะนำของสุดารัตน์และศุภชัยจึงได้เข้าสู่วงการ ดารานักแสดงทางฝั่งฮอลลีวูดที่ณเดชน์ชื่นชอบคือ นิโคล คิดแมน เพราะดวงตามีเสน่ห์ มองแล้วรู้สึกประทับใจ โดยให้เหตุผลว่า "ผมชอบเวลามองผู้หญิง แล้วเขามองกลับมาครับ เพราะตาของผู้หญิงแต่ละคนสามารถบอกได้ว่า เขาคิดยังไงกับเรา" แม้ณเดชน์มีภาพลักษณ์ที่สนุกสนานร่าเริง แต่เคยให้สัมภาษณ์ว่า บางครั้งมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ต้องการพบปะผู้คน และต้องปรับตัวในการเข้าสู่วงการบันเทิงมาก
ในระยะแรกของการเริ่มต้นทำงาน มีบางช่วงณเดชน์สมาธิสั้น ในขณะที่กำลังแสดงละครอยู่นั้น จำบทไม่ค่อยได้จึงทำให้เกิดความผิดพลาดของการถ่ายทำมากที่สุดถึง 20 ครั้ง ณเดชน์เป็นคนชื่นชอบการฟังเพลงและเล่นดนตรีหลายอย่าง เช่นกีตาร์อูกูเลเล โดยเมื่อว่างจากการถ่ายทำละคร เขามักจะนำอูกูเลเล คอร์เน็ต และแบนโจ มาเล่นบ่อย ๆ สมัยที่เรียนมัธยมต้น ณเดชน์กับเพื่อนได้รวมกลุ่มก่อตั้งวงดนตรีเพื่อแสดงในกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ชื่อวง ดีเอกซ์ โดยณเดชน์เป็นมือเบส และได้ร้องนำบ้างในบางโอกาส รวมถึงชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก ส่วนกีฬาที่นิยมเล่นในเวลาว่าง คือฟุตบอลว่ายน้ำกอล์ฟ ซึ่งโยชิโอสอนให้เมื่ออายุ 10 ปี และเทควันโด ซึ่งเคยเข้าแข่งขันได้รับรางวัลรองชนะเลิศในรุ่นเยาวชนชาย อายุไม่เกิน 6-8 ปี จากรายการชิงแชมป์ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2545 อนึ่ง ณเดชน์กล่าวว่า เขามีความศรัทธาและเข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ ได้ผ่านการบวชเณรมาเมื่อวัยเยาว์ จนกระทั่งได้รับรางวัลบุคคลผู้มีคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี พ.ศ. 2554 โดยสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย

[แก้]ปี 2555 - ปัจจุบัน

ในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555 รายการ เช้าดูวู้ดดี้ ออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ได้มีการถ่ายทอดเทปบันทึกเรื่องราวของ "ด.ญ.พรสุภาดา คำกำพุทธ" มีชื่อเล่นว่า "มอมแมม" ที่อาการดีขึ้นอย่างเป็นปรากฏการณ์ คล้ายปาฏิหาริย์ หลังจากการดูละคร "เกมร้ายเกมรัก" และชื่นชอบตัวละคร "สายชล" พระเอกของเรื่องรับบทโดยณเดชน์ เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ปฏิกิริยาของร่างกาย ฟื้นจากอาการป่วยเร็วขึ้นทุกครั้งก่อนได้รับการผ่าตัด โดยบิดาของเด็กหญิงได้กล่าวไว้ในข้างต้นว่า "ในช่วงเขาป่วยเข้าโรงพยาบาลก็จะไปดูแลเขาตลอด ต้องเขาผ่าตัดมา 3 ครั้งแล้ว ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลย เกือบเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 2 ครั้งที่แล้ว แต่ก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งทุกครั้งก็จะทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะอาการหนักมากจริงๆ แต่ครั้งล่าสุดเขาบอกว่าเขาจะกลับมาหาสายชล ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร มารู้ที่หลังว่าเขาชอบดูละครเรื่องนี้ และชอบสายชลมาก คุณหมอบอกว่าอาการดีขึ้นทุกครั้งที่ได้ดูสายชล" โดยมอมแมมเป็นเด็กหญิงวัย 7 ขวบ มีหัวใจเพียงแค่ 2 ห้อง และไม่มีเส้นเลือดไปเลี้ยงที่ปอด ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ หลังจากที่ณเดชน์ทราบเรื่อง จึงเดินทางมาพบเด็กหญิงเพื่อมาให้กำลังใจพบปะพูดคุยกับเด็กหญิง เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  บริจาคเงินให้ครอบครัวของเด็กหญิงอีก 50,000 บาท วันรุ่งขึ้นเป็นพาดหัวข่าวใหญ่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และรายการโทรทัศน์บันเทิงหลายช่อง จนวันที่ 22 มกราคม เด็กหญิงสามารถออกจากโรงพยาบาล และกลับมาเรียนหนังสือได้อย่างเป็นปกติ
ความนิยมของณเดชน์ ส่งผลให้มีผู้คนและแฟนคลับที่นิยมชมชอบเขาเป็นอันมาก โดยติดตามไปเฝ้าดูในทุกที่ และนำสิ่งของต่าง ๆ ไปมอบให้ ทว่าบุคคลกลุ่มนี้ปฏิบัติจนเกินงาม กระทั่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญ แก่ณเดชน์และผู้เกี่ยวข้องอยู่เนือง ๆ ทั้งในความเป็นส่วนตัว ความสะดวก และการรักษาความปลอดภัย ฝ่ายณเดชน์ว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่แฟนคลับดังกล่าวไม่เชื่อฟัง เขาเองไม่ทราบจะทำอย่างไร จึงปล่อยไปตามเลย กระทั่งวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้กำกับละครโทรทัศน์ที่ณเดชน์แสดงนำ หมดความอดทนต่อการปฏิบัติเกินสมควร จึงให้สัมภาษณ์ต่อว่าแฟนคลับเหล่านี้ ความตอนหนึ่งว่า "น้องเขาเป็นคนสาธารณะก็จริง แต่ไม่ใช่ส้วมสาธารณะที่จะใครเข้ามาใช้ก็ได้" และมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานาในสังคมออนไลน์ รวมถึงเกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ซึ่งแสดงความคิดเห็นว่า "เรื่องเหล่านี้มันเป็นพฤติกรรมวัยรุ่นอย่างหนึ่ง...มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพียงแต่พ่อแม่ก็ต้องคอยดู ถ้ารู้สึกว่ามันมากไป ก็ต้องตักเตือน...เขาจะได้ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่อง ๆ เดียว"
การจัดงานวันแม่แห่งชาติ ปี 2555 ณเดชน์ได้รางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีจำนวนทั้งสิ้น 85 คน จาก 330 คน ซึ่งณเดชน์เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัล ประเภท นักร้อง นักแสดง ศิลปิน โดยเข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ณ อาคารใหม่สวนอัมพร
                    
                                          ละครช่อง 3 เรื่อง ธรณีๆนี่นี้ ใครครอง

ณเดชน์ คูกิมิยะ ใน เกมร้ายเกมรัก
                                           ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอก เกมร้ายเกมรัก ละครช่อง3

                             
                                        ละครช่อง3 เรื่อง เกมร้ายเกมรัก เล่นคู่กับ ญาญ่า