วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสี


                                     ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสี


                                  


"ดอกกุหลาบสีแดง" 
ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบสีแดงอ่อน หรือสีแดงสด บ่งบอกถึงการ
ตกหลุมรักหรือแอบปลื้มใครซักคน เป็นสื่อแทนใจเพื่อจะบอกให้รู้ว่ามีคนกำลัง
แอบปลื้มอยู่ ส่วนดอกกุหลาบสีแดงเข้มถ้ามีใครให้ดอกกุหลาบสีแดง รู้ไว้เลย นะ
ว่าเค้าคนนั้น มีความรักที่สุดแสน จะลึกซึ้ง  มั่นคง และแน่นนปึก เรียกได้ว่า ความรักนั้น ไม่มีวันจืดจางไป จากหัวใจ 





"ดอกกุหลาบสีขาว"
 เป็นสีแห่งความรักที่ใสสะอาดบริสุทธิ์น่าทนุถนอมโดยไม่คิดเลยว่าความรักที่มอบให้ไปนั้นจะได้ความรักตอบกลับมาหรือเปล่า 





"ดอกกุหลาบสีชมพู"
เป็นความโรแมนติกที่แสดงถึงความรักหวานซึ้งที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นความรักที่ลึกซึ้งแค่เป็นเพียงรักที่ฉาบฉวยต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสวงหาสิ่งที่คิดว่า
ดีที่สุดเท่านั้นเอง






"ดอกกุหลาบสีส้ม" 
สื่อให้เห็นถึงความสดใส ความเป็นตัวของตัวเอง ของผู้รับ เมื่ออยู่ใกล้
แล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น และยังบ่งบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมาด้วย






"ดอกกุหลาบสีเหลือง" 
เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ และยังสื่อถึงความห่วงใยของผู้ให้ด้วย หลายคนเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่ใช้สำหรับเยี่ยมคนป่วย แต่จริงๆแล้วก็สามารถให้กับเพื่อนๆ เนื่องในโอกาสพิเศษได้เช่นกัน





 "ดอกกุหลาบสีฟ้า"
เชื่อว่าเป็นดอกไม้ แห่งความอดทน แข็งแกร่ง ดอกไม้แห่งความฝันที่สวยงาม และมั่นคงตลอดกาล





"ดอกกุหลาบสีม่วง"
บางคนคงคิดว่ามันเป็นดอกกุหลาบที่สื่อถึงความเศร้า นั่นก็เป็นอีกความหมายนึง แต่ถ้ามองในแง่ของความสุข กุหลาบสีม่วงยังสื่อให้เห็นถึงความสำเร็จในชีวิต การงานได้อีกด้วย





          จำนวนดอกกุหลาบ และ ความหมาย ที่แสนจะโรแมนติค 

                         

1 = เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น
2 = มีเพียงเธอ กับ ฉัน
3 = ฉันรักเธอ
5 = การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
7 = เราจะพบกับเรื่องมงคล
8 = ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป
9 = อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง
11 = รักเธอที่สุด
12 = ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน
24 = ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา
33 = รักกัน 3 ชาติ
50 = ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร
66 = ความรักของเรา เหมือนสายน้ำไม่เคยหยุดนิ่ง
100 = เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรด้วยกัน
101 = รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร
108 = ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด
365 = ฉันคิดถึงเธอทุก-ทุกวัน
999 = รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย
1,009 = ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นเธอ
9,999 = แทนความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอจากนี้และตลอดไป
10,000 = รักเธอเป็นหมื่น-หมื่นปี

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ผลไม้ตรกูลเบอร์รี่




                        คุณค่าของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

               ถ้าพูดถึงผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มของ เบอร์รี่ นั้นก็มีมากมายอยู่ อย่างแรกต้องนึกถึง สตรอเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เป็นต้น สีสันของตระกูลเบอร์รี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมีความสดใส ชุ่มฉ่ำทำให้น่าหยิบมาลิ้มลอง


สตอเบอร์รี่ อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงและให้แคลอรี่ต่ำ มีวิตามินซีสูง ที่สำคัญคือผลสตรอเบอร์รี่มีสารแอนโธไซยานินเป็นแหล่งรวมของสารสีแดง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น เส้นใยอาหารของสตอเบอร์รี่ ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลและความเสี่ยงมะเร็งลำไส้แถมยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายให้ดีขึ้น


บลูเบอร์รี่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามิน C และ วิตามิน E อยู่มากถ้าทานบลูเบอร์รี่ เป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตาและบำรุงจอรับภาพ ผลไม้กลมๆ เล็กๆ สีน้ำม่วงเข้มอย่างเจ้าบลูเบอร์รี่นี้มีสาร anti-oxidant อยู่ในระดับสูงสาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระสู้ภาวะการแก่ตัวหรือชะลอความแก่ได้เป็นอย่างดี


แครนเบอร์รี่ เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีผลเล็กๆ สีแดงสด รสชาติหวานๆ อมเปรี้ยว เพาะปลูกในแถบประเทศอเมริกา และแคนาดา แครนเบอร์รี่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง โดยเฉพาะใครที่ชอบอั้นปัสสาวะ จนเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วละก็ แครนเบอร์รี่ช่วยได้ เพราะในผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงๆ นี้มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย และมีสารแทนนิน ที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียอี โคไล ที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะได้ด้วย ใครที่กำลังเป็นโรคปัสสาวะอักเสบลองดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เข้มข้น ไม่มีน้ำตาลแก้วละ 250 มิลลิลิตรทุกวัน วันละ 3 แก้วจะช่วยบรรเทา และเป็นอีก 1 วิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก


ราสเบอร์รี่ เมื่อย้อนกลับไปในยุคกรีก และโรมัน ราสเบอร์รี่ถูกนำมาใช้เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค ราสเบอร์รี่มีธาตุ โพแทสเซียม และเส้นใยอาหารสูง มีวิตามินเคหรือ ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเเลือด และยังมีแมงกานีส ที่ช่วยในการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย สารสีแดงในราสเบอร์รี่มีคุณสมบัติช่วยในการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น มีผลต่อช่วยให้ ระบบการทำงานของประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เชอร์รี่ ที่เราเห็นบ่อยบนยอดสุดของไอศกรีม รสชาติหวานหอมกรุบกรอบ เชอร์รีเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมในปริมาณสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลกับโวเดียมทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ระบบไหลเวียนโลหิตดี นอกจากนี้ เชอร์รียังมีวิตามิน c ช่วยรักษาแผล ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดอีกด้วย เมื่อตัวเลขของอายุเริ่มมากขึ้นเราควรเลือกหาเชอร์รีมารับประทานกันบ่อยๆ เพราะจะช่วยลดระดับกรดยูริกในเลือดป้องกันการเกิดโรคเกาต์ หรืออาการปวดตามข้อได้
ในช่วงวัยของเราต้องการอาหารและผลไม้ที่มีประโยชน์เข้าไปช่วยเสริมสร้างให้ระบบภายในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยซ่อมแซมสิ่งที่สึกหล่อ ตระกูลผลไม้เบอร์รี่ ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกของผลไม้ดีมีประโยชน์ให้เราได้เลือกรับประทาน ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแยม น้ำสกัดเข้มข้น หรืออบแห้ง ว่าแล้วเย็นนี้ก็กลับไปซื้อ เบอร์รี่เก็บไว้ใส่ตู้เย็นทานกันดีกว่า


วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แอ๊ปเปิ้ล


                                     

                    แอ๊ปเปิ้ล APPLE


                                     
           เป็นผลไม้ยอดนิยมชนิดหนึ่งของโลก ต้นแอ๊ปเปิ้ลสูงประมาณ 5-12 เมตร ผลมีเปลือกสีแดง ชมพู เขียว และเหลืองตามสายพันธุ์ เนื้อในเป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวล

           คุณค่าโภชนาการ เมื่อกินโดยไม่ปอกเปลือก จะมีพลังงาน 80 แคลอรี วิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม วิตามินซี 7.9 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม หากปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญต่างๆ ก็จะลดลงไปจากที่กล่าวไว้

           แอ๊ปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ คือ
เพคติน มีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส

           บทความในวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2470 ยกให้แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และอื่นๆ

           แอ๊ปเปิ้ลยังช่วยควบคุมน้ำหนัก เพราะมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทั้งทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดและอ่อนเพลียระหว่างรอเวลาอาหารมื้อใหญ่ แต่แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้หายหิว แต่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มด้วย
กินแอ๊ปเปิ้ลวันละ 2-3 ผลช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือด แต่จะได้ผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แอ๊ปเปิ้ลลดคลอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย

            คณะวิจัยมหาวิทยาลัยพอลซาบาทิเอร์ เมืองตูลูส ฝรั่งเศส ทดลองในอาสาสมัครวัยกลางคนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย 30 คน โดยให้กินอาหารเหมือนเดิมทุกประการ แต่กินแอปเปิ้ลด้วยวันละ 3 ผล ทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าอาสาสมัคร 24 คน มีปริมาณคลอเลสเตอรอลในเลือดลดลง บางคนลดมากกว่า 10% และเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันแยกคลอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจะคอยดักจับคลอเลสเตอรอลเหล่านั้นนำไปทิ้งก่อนจะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกาย เป็นการขจัดคลอเรสเตอรอลออกไป
                                     

        ถ้าพูดถึงความอร่อยคงมีคนส่วนน้อยที่จะบอกว่าผลไม้ชนิดนี้ที่เรียกกันว่า “แอปเปิ... เปิ้ล” จะตอบว่าไม่ชอบหรือไม่อร่อย ซึ่งแอปเปิ้ลมีอยู่มากมายหลายพันธุ์ ทั้งพันธุ์ผลสีแดง เขียว เหลือง ชมพู โดยรวมแล้วถือว่าแอปเปิ้ลนั้นเป็นผลไม้ที่มีรูปลักษณ์สวยงาม เปลือกสีสด มันวาว เนื้อในก็กรอบ รสชาติหวานอร่อยอีกทั้งมีกลิ่นหอมอีกด้วย แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือสารอาหารจากแอปเปิ้ลที่มีประโยชน์มากเสียจนเรียกได้ว่า  แอปเปิ้ลเป็นแหล่งใหญ่ของสารอาหารเลยก็ว่าได้ แอปเปิ้ล มีสารสำคัญคือ เบตาแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้คือ เพกติน มีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิกและกรดทาร์ทาริกช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระและฆ่าเชื้อไวรัส  แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ปกติเมื่อกินอาหารเข้าไป อาหารแต่ละชนิดจะย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้น เช่น ถ้ากินน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นฮวบฮาบทันที แต่สำหรับแอ๊ปเปิ้ล ถึงจะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เท่านั้น และยังพบว่าคนที่กินอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ มีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่กินน้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก
มาทำความรู้จักกับประโยชน์ของแอ๊ปเปิ้ล โดยแบ่งตามสีดังนี้
1. แอ๊ปเปิ้ลแดง มีจุดเด่นที่ดีต่อสุขภาพคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมี
อิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย

2. แอ๊ปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอ๊ปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
3. แอ๊ปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะการกิน
แอ๊ปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว
แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี

4. แอ๊ปเปิ้ลสีเหลือง มีประโยชน์ต่างจากสีอื่นๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก